วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เนื้อหาของงานพร้อมแผนที่
View Larger Map
เวลาโลก http://www.watchari.com/wordtime.html
เจดีย์ชเวดากอง http://maps.google.com/maps?hl=en&q=%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87&um=1&ie=UTF-8&sa=N&tab=wl
อุณหภูมิ http://thai.wunderground.com/
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552
โรคร้ายในปัจจุบัน>โรคเบาหวาน_>

สมุนไพรได้เข้ามามีบทบาทในการรักษาและควบคุมความรุนแรงของโรคที่มีผลต่อสุขภาพชีวิตของคนไทยได้หลายๆโรค เบาหวานก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่สามารถใช้สมุนไพรในการควบคุมความรุนแรงของโรคได้
เตยหอม(ทั้งใบและราก) กับ ใบของต้นสักทอง
เตยหอมเอาทั้งใบและราก ล้างให้สะอาดตัดส่วนของใบสักทองและใบเตยหอมอย่างละเท่าๆ กันเอามาคั่วให้เหลือง ส่วนรากเตยหอมไม่ต้องคั่วแต่เอามาทุบให้แตกแล้วใส่ทั้ง 3 อย่างลงในหม้อต้ม ใช้น้ำยารับประทานแทนต่างน้ำทุกวันประมาณ ๑ เดือน อาการก็จะดีขึ้น(หรือจะทำเป็นชาดื่มก็ได้)
เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีสารสำคัญทางยาที่ลดน้ำตาลในเลือดได้คือ สารที่อยู่ในกลุ่มของโพลีแซ็กคาไรด์ ได้แก่ กาโนเดอแรน เอ บี และ ซี (Ganoderans A,B,C,) ช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือดทำให้มีการเพิ่มขึ้นของสารอินซูลินซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานให้แก่ร่างกายปัจจุบันได้มีการจดสิทธิบัตรสารสำคัญในเห็ดหลินจือ คือกาโนเดอแรน เอ บี และ ซี(Ganoderans A,B,C,) ทำเป็นยารักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีข้อบ่งชี้ใช้ลดน้ำตาลในเลือด
มะระขี้นก
มะระขี้นกเป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณประโยชน์แก่ร่างกายสูงทั้งด้านคุณค่าทางอาหาร คือ พลังงาน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เส้นใย วิตามิน A, B1, B2, C ไนอาซีน และไทอามีน นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ทางยา คือ ลดน้ำตาลในเลือด (แก้โรคเบาหวาน) รักษาโรคเอดส์ และต้านเชื้อ HIV ต้านมะเร็ง ใช้เป็นยาถ่าย แก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำมีรสขมช่วยให้เจริญอาหารมีสาร charantin ช่วยลดน้ำตาลในเลือดสามารถบำบัดโรคเบาหวานได้และมะระยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี ไนอาซีน และเบต้าแคโรทีนอยู่ในระดับสูงผลอ่อนของมะระขี้นกให้วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนสูงมะระขี้นกลดน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเบาหวานในการรับประทานมะระขี้นกให้หั่นเนื้อมะระตากแห้งชงน้ำดื่ม ถ้าต้องการกลบรสขมให้เติมใบชาลงไปด้วยขณะที่ชงดื่มต่างน้ำชา นอกจากนี้น้ำต้มผลมะระสามารถลดการเกิดต้อกระจกซึ่งเป็นอาการข้างเคียงในคนที่เป็นโรคเบาหวานได้สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือ การรับประทานเมล็ดซึ่งมีสารกลุ่มไพริมิดีนนิวคลีโอไซด์ที่ชื่อว่าไวซิน (Vicine) อาจจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เป็นไข้ ปวดท้อง และอาการโคม่าได้ ดังนั้นพึงระลึกว่าเมล็ดของมะระขี้นกอาจมีพิษหากจะนำผลมะระขี้นกมาทำยารับประทานต้องแกะเมล็ดออกเสมอ
อบเชย
อบเชยมีสารที่สำคัญคือ เมธิลไฮดรอกซี่ ซาลโคน โพลิเมอร์ (Methylhydroxy Chalcone Polymer หรือ MHCP) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติและความสามารถในการทำงานคล้ายกับฮอร์โมนอินซูลิน คือช่วยเพิ่มความสามารถในการสันดาปกลูโคสให้ได้มากขึ้นจึงมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงและจะไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้ถ้ามีการรับประทาน "อบเชย""อย่างต่อเนื่องเป็นประจำการใช้อบเชยควบคุระดับน้ำตาลในเลือดนั้นจะมีความปลอดภัยมากว่าการใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะสามารถรับประทานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายแต่อย่างใดโดยภายใน1 วันควรรับประทาน"อบเชย"อย่างน้อย 1 กรัม และให้รับประทานอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ให้ผู้ป่วยทำการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยควบคู่ไปด้วย
บอระเพ็ด
บอระเพ็ด มีสาร N-trans-feruloyth-ramine, N-cis-feruloyltyramine, tinotuberide, phytosterol และ Picroretin สรรพคุณทางยาของบอระเพ็ดคือระงับความร้อนได้ดีสามารถแก้อาการเป็นไข้ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด ลดกรดยูริค ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารและยังช่วยให้เจริญอาหาร ป้องกันโรคหัวใจช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวได้ดีขึ้นการต้านอนุมูลอิสระ รศ.ดร.งามผ่อง คงคาทิพย์ หัวหน้าโครงการสมุนไพรหน่วยปฏิบัติการผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า โครงการวิจัยค้นหาคุณสมบัติของสารสกัดสมุนไพรบอระเพ็ด (Tinospora crispa) มีความคืบหน้าอย่างมากขณะนี้สามารถระบุชนิดของสารสำคัญในบอระเพ็ดที่ออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้แล้ว และทดสอบไม่พบความเป็นพิษเฉียบพลันขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบความเป็นพิษเรื้อรังในหนูทดลอง "เมื่อผลทดสอบไม่พบพิษเฉียบพลัน หมายความว่าเราสามารถรับบริโภคสดได้ ส่วนพิษเรื้อรังนั้นได้ทดสอบมาแล้ว 4 เดือน เหลืออีกประมาณ 2 เดือน จึงจะสรุปผลได้ว่าการบริโภคบอระเพ็ดต่อเนื่องทุกวันจะก่ออันตรายต่อตับและไตหรือไม่ นอกจากนี้ เรายังพบอีกว่าบอระเพ็ดจากสุพรรณบุรี พิจิตร ศรีสะเกษ มีคุณสมบัติรักษาเบาหวานดีกว่าบอระเพ็ดจากสระแก้ว" รศ.ดร.งามผ่อง กล่าวสาเหตุที่เลือกวิจัยบอระเพ็ดเนื่องจากเป็นสมุนไพรที่ระบุอยู่ในตำรับยาไทยมากสุดโดยมีสรรพคุณที่ชัดเจน 4 ด้าน คือ บำรุงหัวใจ ลดไข้ เจริญอาหารและลดน้ำตาลในเลือด รศ.ดร.งามผ่อง กล่าว "ลำต้นแก่จะมีสารกลุ่มอัลคาลอยด์มากกว่าลำต้นอ่อนซึ่งช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจห้องบนขวาและซ้ายได้ดีขณะเดียวกันไม่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ จากปกติยารักษาโรคหัวใจจะเพิ่มทั้งแรงบีบตัวกล้ามเนื้อหัวใจและอัตราการเต้นของหัวใจด้วย ดังนั้น ถ้าได้ยาที่ไม่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจจะเป็นยาที่ดีกว่ายารักษาโรคหัวใจที่มีอยู่ปัจจุบันจึงคาดหวังว่า 2 โครงการวิจัยข้างต้นน่าจะพัฒนาเป็น "ยาเสริม" สำหรับคนไข้เบาหวานและโรคหัวใจ"
สามารถค้นได้http://www.alternativecomplete.com/alternative1.php
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552
โรคร้ายในปัจจุบัน>โรคเบาหวาน_>

การรักษาโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นหลายอย่างดังนั้นเราจึงต้องมีการดูแลรักษาโดยมีเป้าหมายในการควบคุมโรคเบาหวานที่สำคัญดังนี้
1. เพื่อให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดกลับเป็นปรกติหรือใกล้เคียงปรกติมากที่สุด
2. เพื่อลดอุบัติการของภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังของโรคเบาหวาน แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานก็คือ ต้องไม่มีผลข้างเคียงจากการรักษาหรือถ้ามีก็ให้มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยที่สุดสำหรับหลักในการรักษาโรคเบาหวานนั้น มีอยู่ 3 ประการซึ่งต้องใช้ควบคู่กันไปได้แก่
1. การควบคุมอาหาร (dietary management) ทำโดยจำกัดปริมาณพลังงานหรือแคลอรีให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วยคือ น้ำหนักตัว (body weight) และ กิจกรรมที่ทำ (physical activity) และกำหนดสัดส่วนอาหารให้เหมาะสมซึ่งโดยทั่วไปแบ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 55-60,โปรตีนร้อยละ 15-20 และไขมันร้อยละ 25-30ส่วนใหญ่แล้วอาหารควรจะมีเส้นใยพืช (fiber) มากแต่ให้มีไขมัน
2. การออกกำลังกาย (exercise) ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายชีวิตประจำวันชนิดของโรค เบาหวานและยารักษาโรคเบาหวานที่ได้รับอยู่ สำหรับการออกกำลังกายที่ดีนั้นควรเป็นการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ร่างกาย เช่น วิ่ง , ว่ายน้ำ เพราะทำให้เกิดกระบวนการหายใจแบบใช้ออกซิเจน (aerobic respiration) ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดกรดแลคติคที่ทำให้กล้ามเนื้อล้าเร็วและควรออกกำลังกายนานอย่างน้อย 20-30 นาที สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง
3. การใช้ยา แบ่งเป็น
- ยาฉีด คือ อินสุลิน (insulin)
- ยากินรักษาโรคเบาหวาน
ต่อไปก็จะขอกล่าวถึงยาที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานพอเป็นสังเขปดังนี้
อินสุลินมีเฉพาะยาฉีดเท่านั้นแต่ต่อไปในอนาคตจะมีการนำชนิดพ่นทางจมูกมาใช้แล้วจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวอีกไง อินสุลินในรูปยาฉีดนี้จะมีทั้งฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ (intravenous injection) , ฉีดเข้ากล้าม (intramuscular injection) และฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนัง (subcutaneous injection) การฉีดอินสุลินมีข้อดีตรงที่หลังจากฉีดแล้วอินสุลินจะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดของร่างกาย (systemic circulation) ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านตับทาง portal vein ทำให้อินสุลินไม่ถูกตับทำลายไปเสียก่อนเพราะอินสุลินถูกทำลายได้โดยตับและไตอินสุลินในรูปยาฉีดนี้ได้ถูกจัดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นบัญชียาสำหรัโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขด้วยยกเว้น insulin lispro ซึ่งเป็นอินสุลินในรูปยาฉีดที่ออกฤทธิ์ได้เร็วกว่าชนิดอื่นและใช้ได้สะดวกแต่ไม่ได้จัดไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2542 อินสุลินออกฤทธิ์ที่สำคัญ ดังนี้
1. กระตุ้นให้มีการขนส่งกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน และกระตุ้นให้มีการเก็บสะสมกลูโคสในรูปของกลัยโคเจน (glycogenesis) และยับยั้งการสลายกลัยโคเจน (glycogenolysis)
2. กระตุ้นการสังเคราะห์สารคีโตน (ketogenesis) และสังเคราะห์กลูโคส (gluconeogenesis)
3. เพิ่มการขนส่งกรดไขมันเพื่อนำไปสังเคราะห์ triglyceride (lipogenesis) และยับยั้งการสลาย triglyceride (lipolysis) ของเซลล์ไขมัน
4. เพิ่มการขนส่งกรดอะมิโนเพื่อสังเคราะห์โปรตีนในเซลล์และลดการสลายโปรตีนของกล้ามเนื้ออินสุลินที่มีใช้ในปัจจุบันมีความแตกต่างกันในเรื่องระยะเวลาการออกฤทธิ์ , แหล่งกำเนิด , ความ บริสุทธิ์ของยาและความเข้มข้นดังนั้นจึงได้มีการแบ่งอินสุลินตามระยะเวลาของการออกฤทธิ์เป็น 3 กลุ่มคือ
1. อินสุลินที่ออกฤทธิ์สั้น (short-acting insulin) ได้แก่ regular insulin (RI) เป็นกลุ่มที่ออกฤทธิ์เร็ว (rapid onset) แต่ระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น (short duration) มักใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะสารคีโตนคั่ง(ketoacidosis) รุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
2. อินสุลินที่ออกฤทธิ์ปานกลาง(intermediate-acting insulin)ได้แก่ NPH(neutral protamine Hagedorn) insulin และ lente insulin
3. อินสุลินที่ออกฤทธิ์นาน (long-acting insulin) ได้แก่ ultralente insulin เป็นกลุ่มที่ออกฤทธิ์ช้า (slow onset) และระยะเวลาในการออกฤทธิ์ยาว (long duration) นิยมใช้เพื่อให้มีระดับความเข้มข้นของอินสุลินต่ำๆตลอดทั้งวัน
อินสุลิน สามารถใช้ได้หลายกรณี ดังนี้
1. type 1 diabetes
2. type 2 diabetes ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการควบคุมอาหารและยารักษาโรคเบาหวานชนิดกิน
3. ผู้ป่วยโรคเบาหวานภายหลังผ่าตัดตับอ่อน (postpancreatectomy diabetes mellitus)
4. ผู้ป่วยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus)
5. ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะสารคีโตนคั่ง (diabetic ketoacidosis;DKA)
6. ผู้ป่วยที่มีอาการโคม่าเนื่องจากมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงแต่ไม่มีสารคีโตนคั่ง (hyperglycemic , nonketotic coma)
7. ใช้ในช่วงของการผ่าตัด (perioperative period) ในคนที่เป็นโรคเบาหวานทุกชนิดนอกจากอินสุลินจะมีประโยชน์ในการรักษาโรคเบาหวานแล้วยังมีผลข้างเคียงที่ต้องพึงระวังได้แก่
1. ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดอาจเกิดได้จากการให้อินสุลินในระยะเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น ขณะออกกำลังกาย ซึ่งจะมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงแล้วมี การให้อินสุลินเข้าไป ก็ยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำยิ่งขึ้น หรืออาจเกิดจากมีภาวะผิดปกติอย่างอื่นเช่น ต่อมหมวกไตเสื่อม (adrenal insufficiency) , ต่อมใต้สมองเสื่อม (pituitary insufficiency) ผู้ป่วยที่มีภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ จะเกิดอาการต่างๆ เช่น เหงื่อออก , มือสั่น , ใจสั่น , สายตาพร่ามัว , สับสน , อ่อนเพลีย เป็นต้น
2. การแพ้และดื้อต่ออินสุลิน (insulin allergy and resistance) พบน้อยลงเมื่อใช้อินสุลินที่ผลิตจากคน และเป็นอินสุลินที่มีความบริสุทธิ์มากแทนการใช้อินสุลินจากวัวและหมู
3. ไขมันใต้ผิวหนังฝ่อและขยายตัว (lipoatrophy and lipohypertrophy) พบบริเวณที่ฉีดอินสุลิน
4. การบวมที่เกิดจากอินสุลิน (insulin edema) พบในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรุนแรงหรือมีภาวะสารคีโตนคั่ง (ketoacidosis) แล้วได้รับอินสุลินเพื่อควบคุมให้ระดับน้ำตาลในเลือด กลับสู่ระดับปกติ Back to List Sulfonylureas or Sulphonylureas เป็นกลุ่มยากินเพื่อรักษาโรคเบาหวานที่มียาหลายชนิด มีทั้งยาในรุ่น ที่1(first generation) และ รุ่นที่2 (second generation) แต่ยาที่ถูกจัดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3) ได้แก่ glibenclamide tablet , glipizide tablet และ gliclazide tablet ยาทั้ง 3 ชนิดนี้จัด เป็นยาในรุ่นที่2โดยยาในรุ่นที่2นี้จะมีความแรง (potency) สูงกว่ายาในรุ่นที่ 1 ทำให้สามารถใช้ขนาดยาที่ต่ำกว่าได้ครับ จึงมีโอกาสที่เกิดผลข้างเคียงและปฏิกิริยากับยาอื่นน้อยกว่ายาในรุ่นที่ 1 ด้วยครับ แต่ยาในรุ่น ที่ 2 นี้มีระยะเวลาการออกฤทธิ์ (duration) สั้นกว่ายาในรุ่นที่1 Sulfonylureas ออกฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดที่สำคัญ มีดังนี้
1. กระตุ้นการหลั่งอินสุลินจาก B-cell ของตับอ่อนและลดการสลายกลัยโคเจน (glycogen) ที่ตับ
2. ลดการทำลายอินสุลินที่ตับ
3. เพิ่มตัวรับของอินสุลิน (insulin receptor) และส่งเสริมการออกฤทธิ์ของอินสุลินนอกจากการออกฤทธิ์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว Sulfonylureas ยังทำให้ผู้ที่กินยานี้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วย Sulfonylureas เป็นยารักษาโรคเบาหวานที่ใช้ควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดสูงใน ผู้ป่วย type 2 diabetes ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ดีพอด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย และใช้ในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่ออินสุลินน้อยกว่า 40 หน่วย (unit) ต่อวันและยังมี B-cell เหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มนี้ห้ามนำมาใช้ในบุคคลต่อไปนี้ - ผู้ป่วย type 1 diabetes - หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร - ผู้ป่วยที่มีหน้าที่ของตับหรือไตเสื่อมอย่างรุนแรง - ผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนอย่างเฉียบพลันของโรคเบาหวานสำหรับผลข้างเคียงของยาในกลุ่มนั้พบได้ไม่บ่อย แต่ผลข้างเคียงที่สำคัญ คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia)
Biguanides มียาเพียงชนิดเดียวที่จัดไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3) คือ metformin ซึ่งพบว่า เป็นยาที่ออกฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) แม้จะใช้ในขนาดสูงก็ตาม Metformin ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสังเคราะห์กลูโคส (gluconeogenesis) ในตับและกระตุ้นให้มีการใช้กลูโคสที่เนื้อเยื่อส่วนปลายได้ดีขึ้นโดยเฉพาะที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไขมัน แต่ไม่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินสุลินและไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มหรืออาจทำให้น้ำหนักลดลงได้บ้าง Metformin นี้ใช้ในการรักษาผู้ป่วย type 2 diabetes ที่ควบคุมอาหารแล้วยังคงมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่ อาจใช้ตามลำพังหรือใช้ร่วมกับ sulfonylureas ก็ได้ยานี้มีข้อห้ามใช้เช่นกัน โดยห้ามใช้กับบุคคลต่อไปนี้
1. ผู้ป่วยที่มีภาวะกรดแลคติคคั่ง (lactic acidosis)
2. ผู้ป่วยที่มีการทำหน้าที่ของไตหรือตับเสื่อม ทำให้กำจัดกรดแลคติคลดลง
3. ผู้ป่วยที่ติดสุราเพราะแอลกอฮอล์ในสุราจะทำให้มีการคั่งของกรดแลคติคเพิ่มขึ้นได้
4. ผู้ป่วยที่อาจมีภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน (tissue hypoxia) ได้แก่ ภาวะหัวใจวาย (heart failure) , โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (coronary heart disease) ,โรคของหลอดเลือดส่วนปลาย (peripheral vascular disease) ,โรคที่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจ (obstructive airway disease) และภาวะที่มีการติดเชื้อในกระแส เลือด(septicemia) ภาวะที่เนื้อเยื่อขาดออกซิเจนนี้เองครับก็จะนำไปสู่การคั่งของกรดแลคติคได้อีกเช่นกัน ยาในกลุ่มนี้มีผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดในทางเดินอาหาร ได้แก่เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และท้องเสีย แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ต้องระวังอย่างหนึ่งคือภาวะที่มีกรดแลคติคคั่ง(lactic acidosis) ซึ่งพบน้อยมากสำหรับ metformin
Alpha-glucosidase inhibitors เป็นกลุ่มยาที่นำมาใช้เมื่อใช้ยาใน 2 กลุ่มแรกไม่ได้ผล (second line drug) หรืออาจใช้ร่วมกับ sulfonylureas เมื่อใช้ยาตัวเดียวไม่ได้ผลยาในกลุ่มนี้ที่ถูกจัดไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติพศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3) ได้แก่ acarbose tablet และ voglibose tablet ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ดังต่อไปนี้ 1. ขัดขวางการย่อยอาหารพวกแป้ง , dextrin , sucrose และ maltose ของลำไส้เล็ก
2. ยับยั้งการย่อยของ oligosaccharide เป็น monosaccharide ทำให้เกิดกลูโคสช้าลงและถูกขับออกนอกร่างกายการออกฤทธิ์ดังกล่าวของ alpha-glucosidase inhibitors ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นทันทีหลัง อาหาร Alpha-glucosidase inhibitors นี้ถูกนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วย type 2 diabetes โดยอาจใช้เพียงขนาน เดียวร่วมกับการควบคุมอาหารในรายที่มีระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงมากหรือใช้ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน ชนิดอื่น เช่น sulfonylureas ดังกล่าวแล้วเพื่อให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นส่วนผลข้างเคียงของยาในกลุ่มนี้ที่พบบ่อยจะเป็นอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด (flatulence) , ท้องเสีย (diarrhea) , มีเสียงดังในท้อง (borborygmus) และปวดท้อง (abdominal pain) ซึ่งล้วนเกิดจากการที่ยาไปขัดขวางการย่อยอาหารพวกแป้งและคาร์โบไฮเดรตให้ช้าลงส่วนผลข้างเคียงทางระบบ (systemic side effect) อย่างเช่น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) พบน้อยแต่ยาในกลุ่มนี้ห้ามใช้ในบุคคลต่อไปนี้
1. ผู้ป่วยที่มีลำไส้อักเสบ , ไส้เลื่อน (hernia) , ลำไส้อุดตัน (intestinal obstruction)
2. หญิงมีครรภ์
3. ผู้ป่วยที่มีหน้าที่ของตับเสื่อม
4. ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของการย่อยและการดูดซึมอาหาร
Rosiglitazone เป็นยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มความไวต่ออินสุลินที่ตับ , กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อไขมัน ยานี้ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) แต่ทำให้เกิดการบวมน้ำ (edema)
Repaglinide เป็นยาที่ออกฤทธิ์ระยะเวลาสั้นๆ เร่งการหลั่งอินสุลินจาก B-cell คล้ายกับ sulfonylureas ดังนั้นผู้ป่วยจึงต้องมี B-cell เหลืออยู่ด้วยครับ เพราะอินสุลินหลั่งมาจาก B-cell นอกจากนี้ยานี้ยังออกฤทธิ์ ยับยั้งการสร้างกลูโคสของตับ (hepatic gluconeogenesis) ยานี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) ได้แต่ไม่รุนแรงนัก ยา 2 ตัวหลังนี้จัดเป็นยาใหม่ครับ ตอนนี้ยังไม่ได้จัดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2542 นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีการรักษาโรคเบาหวานโดยการใช้สมุนไพร ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ได้มีการศึกษาการใช้บอระเพ็ดในหนูทดลองก็พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีแต่เมื่อทดลองในมนุษย์กลับลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ผลดีพอ แต่ก็มีบางคนที่ไปซื้อบอระเพ็ดแค็ปซูลมากิน แล้วได้ผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่มีสมุนไพรที่ได้รับการยืนยันแน่ชัดว่าใช้รักษาโรคเบาหวานได้ดี
สามารถเข้าดุได้http://www.geocities.com/nananaru/med/dmtreat.html
โรคร้ายในปัจจุบัน>โรคเบาหวาน_>
!_ประเภทของเบาหวาน _<>เบาหวาน สามารถแบ่งออกได้เป็น2ชนิด ได้แก่
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทำลายเซลล์ ซึ่งสร้างอินซูลินในส่วนของตับอ่อนทำให้ร่างกายหยุดสร้างอินซูลินหรือสร้างได้น้อยมากดังที่เรียกว่า โรคภูมิต้านทานตัวเอง หรือ ออโตอิมมูน(autoimmune) ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดระยะยาว และถ้าเป็นรุนแรง จะมีการคั่งของสารคีโตน(ketones) สารนี้จะเป็นพิษต่อระบบประสาททำให้หมดสติถึงตายได้
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทำลายเซลล์ ซึ่งสร้างอินซูลินในส่วนของตับอ่อนทำให้ร่างกายหยุดสร้างอินซูลินหรือสร้างได้น้อยมากดังที่เรียกว่า โรคภูมิต้านทานตัวเอง หรือ ออโตอิมมูน(autoimmune) ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดระยะยาว และถ้าเป็นรุนแรง จะมีการคั่งของสารคีโตน(ketones) สารนี้จะเป็นพิษต่อระบบประสาททำให้หมดสติถึงตายได้
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นเบาหวานที่พบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่สาเหตุที่แท้จริงนั้นยังไม่ทราบชัดเจน แต่มีส่วนเกี่ยวกับ พันธุกรรม นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับภาวะ น้ำหนักตัวมาก และขาดการออกกำลังกาย มีลูกดก อีกทั้งวัยที่เพิ่มขึ้น เซลล์ของผู้ป่วยยังคงมีการสร้างอินซูลินแต่ทำงานไม่เป็นปกติ เนื่องจากมีภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้เซลล์ที่สร้างอินซูลินค่อยๆถูกทำลายไปบางคนเริ่มมีภาวะแทรกซ้อนโดยไม่รู้ตัว โดยอาจจะใช้ยาในการรับประทาน และบางรายต้องใช้อินซูลินชนิดฉีดเพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดนอกจากนี้ เบาหวาน ยังมีสาเหตุมาจากการใช้ยาด้วย เช่น สเตอรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาเม็ดคุมกำเนิด
ผู้ที่มีโอกาสเป้นโรคเบาหวาน
เบาหวาน พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในคนอายุกว่า 40 ปีขึ้นไป คนที่อยู่ในเมืองมีโอกาสเป็น เบาหวานมากกว่าคนในชนบทคนอ้วนที่น้ำหนักเกินโดยดูจากดัชนีมวลกายผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย และหญิงที่มีลูกดกโดยเฉพาะผู้มีประวัติคลอดบุตรมีน้ำหนักแรกคลอดมากกว่า4กิโลกรัม จะมีโอกาสเป็น เบาหวานได้มากขึ้น แต่ในปัจจุบันลักษณะการบริโภค และกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันส่งผลให้มีคนเป็น เบาหวาน เพิ่มมากขึ้น และการพบผู้ป่วยที่อายุน้อยที่เป็น เบาหวาน ก็เพิ่มสูงขึ้น
การวินิจฉัย>เบาหวาน
หากสงสัยว่าเป็น เบาหวาน ควรไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลโดยการอดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด ตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วไปเจาะเลือดในตอนเช้าเพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร6ชั่วโมง (FPG) ซึ่งคนปกติจะมีค่าต่ำกว่า 110 มิลลิกรัม ต่อเลือด 100 มิลลิลิตร หากพบมีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 126 มิลลิกรัม ในการตรวจอย่างน้อย 2ครั้งก็วินิจฉัยได้ว่าเป็นเบาหวาน และยิ่งมีค่าสูงเท่าใดก็แสดงว่ามีความรุนแรงของการเป็นเบาหวานเพิ่มมากขึ้น
สามารถเข้ามาดูได้http://thaidiabetes.blogspot.com/2008/11/blog-post_45.html
สามารถเข้ามาดูได้http://thaidiabetes.blogspot.com/2008/11/blog-post_45.html
โรคร้ายในปัจจุบัน>โรคเบาหวาน_>
โรคเบาหวานคืออะไร
อาหารที่รับประทานเข้าไปส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน เซลล์ในตับอ่อนชื่อเบต้าเซลล์เป็นตัวสร้างอินซูลิน และอินซูลินเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอยู่เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาท
อาหารที่รับประทานเข้าไปส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน เซลล์ในตับอ่อนชื่อเบต้าเซลล์เป็นตัวสร้างอินซูลิน และอินซูลินเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอยู่เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาท
ฮอร์โมนอินซูลินมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร
อินซูลินเป็นฮอร์โมนสำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย สร้างและหลั่งจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อนทำหน้าที่เป็นตัวพาน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงานในการดำเนินชีวิตถ้าขาดอินซูลินหรือการออกฤทธิ์ไม่ดีร่างกายจะใช้น้ำตาลไม่ได้ จึงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงมีอาการต่างๆของโรคเบาหวาน นอกจากมีความผิดปกติของการเผาผลาญอาหารคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีความผิดปกติอื่น เช่น มีการสลายของสารไขมันและโปรตีนร่วมด้วย
อินซูลินเป็นฮอร์โมนสำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย สร้างและหลั่งจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อนทำหน้าที่เป็นตัวพาน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงานในการดำเนินชีวิตถ้าขาดอินซูลินหรือการออกฤทธิ์ไม่ดีร่างกายจะใช้น้ำตาลไม่ได้ จึงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงมีอาการต่างๆของโรคเบาหวาน นอกจากมีความผิดปกติของการเผาผลาญอาหารคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีความผิดปกติอื่น เช่น มีการสลายของสารไขมันและโปรตีนร่วมด้วย
ความรู้ทั่วไปเรื่องเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง และก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดปัญหากับ ฟันและเหงือก ตา ไต หัวใจ หลอดเลือดแดง ท่านผู้อ่านสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆได้โดยการปรับวิธีการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และยาให้เหมาะสม
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง และก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดปัญหากับ ฟันและเหงือก ตา ไต หัวใจ หลอดเลือดแดง ท่านผู้อ่านสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆได้โดยการปรับวิธีการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และยาให้เหมาะสม
คนปกติก่อนรับประทานอาหารเช้าจะมีระดับน้ำตาลในเลือด 70-110 มก.% หลังรับประทานอาหารแล้ว 2 ชม.ระดับน้ำตาลไม่เกิน 140 มก.% ผู้ที่ระดับน้ำตาลสูงไม่มากอาจจะไม่มีอาการอะไร การวินิจฉัยโรคเบาหวานจะทำได้โดยการเจาะเลือด อาการที่พบได้บ่อย
คนปกติมักจะไม่ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะในเวลากลางดึกหรือปัสสาวะอย่างมากไม่เกิน 1 ครั้ง เมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่า180มก.% โดยเฉพาะในเวลากลางคืนน้ำตาลจะถูกขับออกทางปัสสาวะทำให้น้ำถูกขับออกมากขึ้น จึงมีอาการปัสสาวะบ่อยและเกิดการสูญเสียน้ำ และอาจจะพบว่าปัสสาวะมีมดตอม ผู้ป่วยจะหิวน้ำบ่อยเนื่องจากต้องทดแทนน้ำที่ถูกขับออกทางปัสสาวะ อ่อนเพลียน้ำหนักลดเกิดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลจึงย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและไขมันออกมาผู้ป่วยจะกินเก่งหิวเก่งแต่น้ำหนักจะลดลงเนื่องจากร่างกายขาดน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้ จึงมีการสลายพลังงานจากไขมันและโปรตีนจากกล้ามเนื้อ อาการอื่นๆที่อาจเกิดได้แก่ การติดเชื้อ แผลหายช้า คันตามผิวหนังโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องคลอดของผู้หญิงสาเหตุของอาการคันเนื่องจากผิวแห้งไปหรือมีการอักเสบของผิวหนังมองเห็นภาพไม่ชัด สายตาพร่ามัวต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสายตา เช่น สายตาสั้น ต่อกระจก น้ำตาลในเลือดสูงชาไม่มีความรู้สึกเจ็บตามแขนขาหย่อนสมรรถภาพทางเพศเนื่องจากน้ำตาลสูงนานๆทำให้เส้นประสาทเสื่อมเกิดแผลที่เท้าได้ง่าย เพราะไม่รู้สึกอาเจียน น้ำตาลในกระแสเลือดสูงเมื่อเป็นโรคนี้ระยะหนึ่งจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดกับหลอดเลือดเล็กเรียก microvacular หากมีโรคแทรกซ้อนนี้จะทำให้เกิดโรคไต เบาหวานเข้าตา หากเกิดหลอดเลือดเลือดแดงใหญ่แข็งเรียก macrovascular โดยจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพาต หลอดเลือดแดงที่ขาตีบนอกจากนั้นยังอาจจะเกิดปลายประสาทอักเสบ neuropathic ทำให้เกิดอาการชาขา กล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นประสาทอัตโนมัติ
คนปกติมักจะไม่ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะในเวลากลางดึกหรือปัสสาวะอย่างมากไม่เกิน 1 ครั้ง เมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่า180มก.% โดยเฉพาะในเวลากลางคืนน้ำตาลจะถูกขับออกทางปัสสาวะทำให้น้ำถูกขับออกมากขึ้น จึงมีอาการปัสสาวะบ่อยและเกิดการสูญเสียน้ำ และอาจจะพบว่าปัสสาวะมีมดตอม ผู้ป่วยจะหิวน้ำบ่อยเนื่องจากต้องทดแทนน้ำที่ถูกขับออกทางปัสสาวะ อ่อนเพลียน้ำหนักลดเกิดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลจึงย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและไขมันออกมาผู้ป่วยจะกินเก่งหิวเก่งแต่น้ำหนักจะลดลงเนื่องจากร่างกายขาดน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้ จึงมีการสลายพลังงานจากไขมันและโปรตีนจากกล้ามเนื้อ อาการอื่นๆที่อาจเกิดได้แก่ การติดเชื้อ แผลหายช้า คันตามผิวหนังโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องคลอดของผู้หญิงสาเหตุของอาการคันเนื่องจากผิวแห้งไปหรือมีการอักเสบของผิวหนังมองเห็นภาพไม่ชัด สายตาพร่ามัวต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสายตา เช่น สายตาสั้น ต่อกระจก น้ำตาลในเลือดสูงชาไม่มีความรู้สึกเจ็บตามแขนขาหย่อนสมรรถภาพทางเพศเนื่องจากน้ำตาลสูงนานๆทำให้เส้นประสาทเสื่อมเกิดแผลที่เท้าได้ง่าย เพราะไม่รู้สึกอาเจียน น้ำตาลในกระแสเลือดสูงเมื่อเป็นโรคนี้ระยะหนึ่งจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดกับหลอดเลือดเล็กเรียก microvacular หากมีโรคแทรกซ้อนนี้จะทำให้เกิดโรคไต เบาหวานเข้าตา หากเกิดหลอดเลือดเลือดแดงใหญ่แข็งเรียก macrovascular โดยจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพาต หลอดเลือดแดงที่ขาตีบนอกจากนั้นยังอาจจะเกิดปลายประสาทอักเสบ neuropathic ทำให้เกิดอาการชาขา กล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นประสาทอัตโนมัติ
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง
หรือ เจดีย์ทองแห่งเมืองดากองหรือตะเกิง (ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง) แห่งลุ่มน้ำอิระวดี มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า มีความสูงถึง 326 ฟุต สถานที่ตั้ง ประเทศ พม่า
"ชเว" คือ ทอง ส่วน "ดากอง" คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง สมัยที่พระเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองเล็กริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2298 กล่าวกันว่า "ทอง" แห่งมหาเจดีย์มหาศาลกว่าทองในธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งน้อยคนปฏิเสธความเป็นไปได้
ท่านสามารถUploadข้อมูลได้ตาบเว็ปไซร์ข้างล่าง
"ชเว" คือ ทอง ส่วน "ดากอง" คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง สมัยที่พระเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองเล็กริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2298 กล่าวกันว่า "ทอง" แห่งมหาเจดีย์มหาศาลกว่าทองในธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งน้อยคนปฏิเสธความเป็นไปได้
ท่านสามารถUploadข้อมูลได้ตาบเว็ปไซร์ข้างล่าง
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552
<_ประวัติส่วนตัว_>

ชื่อ นางสาวสุดารัตน์ แสนเหวิม
เพื่อนเรียก ก้อย
คณะ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง
สาขา บริหารรัฐกิจและกิจการสาธารณะ
รหัสนิสิต 50011315837
ที่อยู่ หอพักบรบือ 64 หมู่20 ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150
บิดามารดา สมรส
อาชีพบิดามารดา ทั่วไปหรือพูดกันง่ายๆทำสวน
พี่น้อง 3 คนเป็นบุตรคนที่2 นอกนั้นคือพี่ชายและน้องชาย
อาชีพของข้าพเจ้า เกาะพ่อแม่กิน
ความสามารถพิเศษ ร้องเพลง เล่นดนตรี วาดภาพ
นิสัย ร่าเริงพูดเก่ง
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ นก ปลา
แนวเพลงที่ชอบ วงร็อคหน้าตาดี ที่จริงฟังแต่มันต้องถอน
ดารานักร้องที่ฝันหา โดม ปกรณ์รัมแฟนกาตูน
เวลาว่าง ดูหนังร้องเพลงหรืออ่านหนังสือ
อนาคต ครูก็ได้ตำรวจก็ดี
คติประจำใจ อนาคตเป็นของเราควรกำหนดมันเอง
สถานะ โสดโดยไม่ต้องถาม>_น่าสงสาร
ชายในอุดมคติ _นิสัยดี(โกหกเก่ง) เถื่อนนิดๆ น่าตาดีถ้าได้รัก
ไม่ถึงขนาดนั้นได้ก็ดีแต่สุท้ายก็คนที่เรารักเขาและเขาก็รักเราแหละ
จะมีไหมหนอคนที่รักเราเท่าพระเจ้าของเรานั่นก็พ่อแม่แหละที่สุดของทุกคน
คงเป็นครอบครัวกันทั้งนั้นคงจะไม่มีใครในโลกที่คิดว่าพ่อแม่ไม่ดี
เพราะไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็ตามท่านก้รักเราเสมอเราร้องไห้ท่านร้องหนักกว่า
เราทุกข์ท่านทุกข์กว่าหลายเท่าสิ่งที่อยากทำที่สุดในชีวิตนี้คือ
ทำให้พ่อแม่ครอบครัวมีความสุข_จุ๊บๆๆๆๆว้าวๆๆๆๆๆๆ
กลอนขำๆเชิญอ่านกันแค่เรื่องตลก
ชายในอุดมคติ _นิสัยดี(โกหกเก่ง) เถื่อนนิดๆ น่าตาดีถ้าได้รัก
ไม่ถึงขนาดนั้นได้ก็ดีแต่สุท้ายก็คนที่เรารักเขาและเขาก็รักเราแหละ
จะมีไหมหนอคนที่รักเราเท่าพระเจ้าของเรานั่นก็พ่อแม่แหละที่สุดของทุกคน
คงเป็นครอบครัวกันทั้งนั้นคงจะไม่มีใครในโลกที่คิดว่าพ่อแม่ไม่ดี
เพราะไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็ตามท่านก้รักเราเสมอเราร้องไห้ท่านร้องหนักกว่า
เราทุกข์ท่านทุกข์กว่าหลายเท่าสิ่งที่อยากทำที่สุดในชีวิตนี้คือ
ทำให้พ่อแม่ครอบครัวมีความสุข_จุ๊บๆๆๆๆว้าวๆๆๆๆๆๆ
กลอนขำๆเชิญอ่านกันแค่เรื่องตลก
เกรด A นั้นหายาก
ต้องลำบากจดโพยไป
นั่งลอกบานตะไท
ใช้ทั้งหมึกเปลืองปากกา
ต้องเก็บวางให้ไว
ซ่อนเอาไว้ที่ลับตา
เก็บไม่มิด F ลอยมา
โอ้เธอจ๋าจำจงดี
ตั้งใจเรียนรับรู้ที่ครูสอน
ก่อนจะนอนทบทวนในเนื้อหา
ตื่นตอนเช้าเฝ้าท่องจ้องตำรา
กวดวิชาเพื่อสอบเอนฯมาเป็นปี
แต่ฉันต้องเสียใจเมื่อไม่ติด
แต่ไม่คิดฆ่าตัวตายเพื่อได้หนี
เพราะคิดได้ในบ้านนั้นยังมี
ตำราดีเก็บขายได้หลายตังค์
**ฉันนั้นคือ นักเรียนเพียรศึกษา .
**ตื่นเช้ามา มุ่งออก ลอกการบ้าน .
**สังคมวิทย์ อังกฤษ ลอกกันอาน .
**เรื่องเกียจคร้าน ไม่มีหรอก ลอกลูกเดียว .
**เวลาเรียน ก็นั่งหลับ สัปหงก .
**เวลายก มือตอบ ก็ลอบเสียว .
**เวลาสอบ ตอบกัน มันส์นักเชียว .
**ครูเผลอเหลียว หันหลังถาม งามคะแนน .
**เรื่องโดดเรียน เพียรนัก รักที่สุด .
**กลยุทธิ์ ทิ้งร่ม เพื่อนชมแม่น.
**แต่บางครั้ง ก็โดดพลาด ไม่ขาดแคลน .
**ต้องถูกตี จนตูดแอ่น แสนจะอาย.
ร้อยวจีเจิดจรัสประภัสสร
รัอยคำพรเป็นมาลัยให้สุขศรี
ร้อยคำรักมอบให้เจ้าคนดี
ที่ให้ยืมร้อยนี้พี่ขอบคุณ
วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)